แผนธุรกิจ
แผนธุรกิจ Business plan
รวมเรื่องราวแผนธุรกิจ เนื่องหาบทความเกี่ยวกับแผนธุรกิจ การเริ่มต้นแผนธุรกิจ การเขียนแผนธุรกิจ เทคนิคการเขียนแผนธุรกิจ เคล็ดลับแผนธุรกิจ การวางแผนธุรกิจ
แผนธุรกิจ คืออะไร ?
แผนธุรกิจ หรือ Business Plan คือแผนการดำเนินงานของธุรกิจ หรือโครงการหนึ่งๆ ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้น 1 – 3 ปี และในระยะยาว 3 – 5 ปี อันประกอบไปด้วยการวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่อธุรกิจทั้งทางด้านมหภาค (Macro Analysis) และจุลภาค (Micro Analysis) การวิเคราะห์ธุรกิจของโครงการในแง่มุมต่างๆ ทั้งทางด้านการตลาด ทางด้านการดำเนินงาน ทีมผู้บริหาร และทางด้านการเงิน เพื่อเป็นการประเมินความเป็นไปได้ของโครงการ และเป็นกรอบในการดำเนินธุรกิจ แนวทางการพัฒนาธุรกิจในอนาคต
ทำไมต้องมีแผนธุรกิจ ?
การเขียนแผนธุรกิจ เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งและเป็นมาตรฐานในการทำธุรกิจสมัยใหม่ไปแล้วก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการขอกู้เงินหรือการขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อนำเงินมาลงทุน การขอเงินจาก Venture Capital หรือการใช้เงินลงทุนของตนเองก็ดี เนื่องจากจะทำให้เจ้าของกิจการ ผู้ร่วมธุรกิจ หรือธนาคารได้เห็นภาพรวมของโครงการ รวมถึงการประเมินความเป็นไปได้ของโครงการต่างๆ ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด จะให้ผลคุ้มทุนเมื่อใด มีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ ก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุนในโครงการนั้นๆ จริง โดยแผนธุรกิจนอกจากจะเป็นการประเมินความเป็นไปได้ของโครงการแล้ว ยังเป็นแผนงานและแผนควบคุมการดำเนินงานของบริษัทได้อีกทางหนึ่งด้วย
ลักษณะของแผนธุรกิจที่ดีต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
แผนธุรกิจที่ดีต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญดังต่อไปนี้
รวมเรื่องราวแผนธุรกิจ เนื่องหาบทความเกี่ยวกับแผนธุรกิจ การเริ่มต้นแผนธุรกิจ การเขียนแผนธุรกิจ เทคนิคการเขียนแผนธุรกิจ เคล็ดลับแผนธุรกิจ การวางแผนธุรกิจ
แผนธุรกิจ คืออะไร ?
แผนธุรกิจ หรือ Business Plan คือแผนการดำเนินงานของธุรกิจ หรือโครงการหนึ่งๆ ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้น 1 – 3 ปี และในระยะยาว 3 – 5 ปี อันประกอบไปด้วยการวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่อธุรกิจทั้งทางด้านมหภาค (Macro Analysis) และจุลภาค (Micro Analysis) การวิเคราะห์ธุรกิจของโครงการในแง่มุมต่างๆ ทั้งทางด้านการตลาด ทางด้านการดำเนินงาน ทีมผู้บริหาร และทางด้านการเงิน เพื่อเป็นการประเมินความเป็นไปได้ของโครงการ และเป็นกรอบในการดำเนินธุรกิจ แนวทางการพัฒนาธุรกิจในอนาคต
ทำไมต้องมีแผนธุรกิจ ?
การเขียนแผนธุรกิจ เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งและเป็นมาตรฐานในการทำธุรกิจสมัยใหม่ไปแล้วก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการขอกู้เงินหรือการขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อนำเงินมาลงทุน การขอเงินจาก Venture Capital หรือการใช้เงินลงทุนของตนเองก็ดี เนื่องจากจะทำให้เจ้าของกิจการ ผู้ร่วมธุรกิจ หรือธนาคารได้เห็นภาพรวมของโครงการ รวมถึงการประเมินความเป็นไปได้ของโครงการต่างๆ ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด จะให้ผลคุ้มทุนเมื่อใด มีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ ก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุนในโครงการนั้นๆ จริง โดยแผนธุรกิจนอกจากจะเป็นการประเมินความเป็นไปได้ของโครงการแล้ว ยังเป็นแผนงานและแผนควบคุมการดำเนินงานของบริษัทได้อีกทางหนึ่งด้วย
ลักษณะของแผนธุรกิจที่ดีต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
แผนธุรกิจที่ดีต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญดังต่อไปนี้
- บทสรุปผู้บริหาร (Executive Summary) เพื่อให้ผู้บริหารหรือผู้พิจารณาแผน ได้ทราบภาพรวมทั้งหมดของโครงการ และผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน
- โครงสร้างอุตสาหกรรมของบริษัท (Industry Analysis) บอกถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมของโครงการ วิสัยทัศน์ ภารกิจ และวัตถุประสงค์ของโครงการ
- การวิเคราะห์ตลาด (Marketing Analysis) เป็นการวิเคราะห์ถึงปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายใน สภาพการแข่งขันในตลาด การกำหนดตลาดเป้าหมาย การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ พฤติกรรมผู้บริโภค และการประมาณการยอดขายสินค้าและบริการ
- แผนการตลาด (Marketing Plan) การกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด ทั้งทางด้านสินค้าและบริการ ราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย การสื่อสารทางการตลาด การบริหารการขาย และการรับประกันสินค้าและบริการ
- แผนการพัฒนาในอนาคต (Improvement Plan) แผนงานการพัฒนาสินค้าและบริการของบริษัทในอนาคต
- แผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan) กลยุทธ์การดำเนินงาน สถานที่ตั้ง แผนการดำเนินงาน
- โครงสร้างองค์กร (Organization Plan) แผนผังองค์กร ทีมงานหลักในการบริหาร และหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานต่างๆ
- ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ (Business Profit) นโยบายทางการเงิน สมมติฐานการเงิน งบกำไรขาดทุน งบดุล งบกระแสเงินสด เงินลงทุนและผลตอบแทน อัตราส่วนทางการเงิน การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของผลการดำเนินงาน การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน
- แผนการดำเนินงาน (Gantt Chart) แผนภาพระยะเวลาของการดำเนินงานในช่วงเวลาต่างๆ (Time Frame)
- แผนการควบคุม (Controlling Plan) แผนควบคุมการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้
- แผนฉุกเฉิน (Emergency Plan) แผนสำรองหากการดำเนินงานไม่เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ หรือแผนการแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
โครงสร้างแผนธุรกิจ สำหรับ SMEs
1. บทสรุปผู้บริหาร
- ความเป็นมาและสถานะของกิจการในปัจจุบัน
- ชื่อและที่ตั้งกิจการ / ชื่อผู้บริหารที่สำคัญ / ประเภทสินค้าที่ขาย / ยี่ห้อสินค้า (ถ้ามี)
- กลุ่มลูกค้าหลัก / ส่วนแบ่งตลาด / คู่แข่งที่สำคัญความสามารถในการแข่งขันของกิจการ
- ฐานะของกิจการ (เงินทุน-เงินกู้) และผลประกอบการในปัจจุบัน
- โอกาสทางธุรกิจ และแนวคิดในการจัดทำโครงการ
- ความเป็นมาของโครงการ / วัตถุประสงค์ของโครงการ (เพื่อขยายสาขา / เพื่อจัดตั้งกิจการใหม่ / เพื่อปรับปรุงกิจการ)
- การลงทุนในโครงการ และแหล่งที่มาของเงินทุน
- วัตถุประสงค์ของการจัดทำแผนธุรกิจ (เพื่อขอสินเชื่อ , หาผู้ร่วมลงทุน หรือปรับปรุงกิจการ เป็นต้น)
- กลยุทธ์ในการบริหารโครงการ
- ด้านการจัดการ / การจัดซื้อสินค้าและการบริหารสินค้าคงคลัง / การตลาด และการเงิน
- ผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการ
- ระยะเวลาคืนทุน (Pay -back Period)
- จุดคุ้มทุน (Break-even Point)
- มูลค่าปัจจุบันสุทธิของการลงทุน (NPV)
- อัตราผลตอบแทนของการลงทุน (IRR)
2. ความเป็นมาของโครงการ
- ประวัติ และความเป็นมาของกิจการ
- แนวความคิดในการก่อตั้งกิจการ
- ผู้ก่อตั้งกิจการ
- ปีที่ก่อตั้ง
- ทุนจดทะเบียน / ทุนที่ชำระแล้ว
- การเติบโตของกิจการ (ได้แก่ การเพิ่มทุน การลงทุนขยายกิจการ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารฯลฯ)
- ความสำเร็จครั้งสำคัญของกิจการ (ถ้ามี)
- รายชื่อหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น และสัดส่วนหุ้นที่ถือครอง
- ประวัติของหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น
- สรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมา (ย้อนหลัง 3 ปี)
- กรณีที่เป็นโครงการใหม่ ให้ระบุชัดเจนว่าจะเริ่มดำเนินงานเมื่อใด (จัดทำเป็นตารางแสดงขั้นตอนและระยะเวลาในการจัดตั้งจนถึงวันเริ่มดำเนินงาน)
3. การวิเคราะห์อุตสาหกรรม
- ภาพรวมของอุตสาหกรรม
- แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรม
- มาตรฐานในการประกอบการในอุตสาหกรรม (เช่น ต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO, QS, GMP, H A CCP ฯลฯ) ตลอดจน Benchmark อื่นๆ ที่สำคัญในอุตสาหกรรม
- นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ (ถ้ามี)
4. การวิเคราะห์สถานการณ์ (SWOT A nalysis)
- จุดแข็งของกิจการ : ปัจจัยภายในที่ทำให้กิจการมีความได้เปรียบในการแข่งขันเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งหลัก / คู่แข่งรอง
- จุดอ่อนของกิจการ : ปัจจัยภายในที่ทำให้กิจการมีความเสียเปรียบในการแข่งขันเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งหลัก / คู่แข่งรอง
- โอกาสของธุรกิจ : ปัจจัยภายนอกที่จะเสริมให้กิจการเติบโตต่อไปในอนาคต
- อุปสรรคของธุรกิจ : ปัจจัยภายนอกที่จะทำให้กิจการไม่รุ่งเรือง หรือเติบโตช้า
5. วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย (Vision, Mission & Goals)
- วิสัยทัศน์ (Vision) คือ ภาพของกิจการที่ต้องการจะเป็นในอนาคต โดยมีพื้นฐานอยู่บนความเป็นจริงในปัจจุบัน
- พันธกิจ (Mission) คือ งานที่ต้องทำเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ของกิจการ
- เป้าหมาย (Goal) คือ การกำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการจากพันธกิจของกิจการ โดยกำหนดเป็นข้อๆ แบ่งเป็นเป้าหมายระยะสั้น (1 ปี) ระยะปานกลาง (3-5 ปี) และระยะยาว (5 ปีขึ้นไป) ทั้งนี้เป้าหมายในแต่ละระยะเวลาควรสอดคล้องกัน สามารถวัดผลได้ และระบุเวลาที่แล้วเสร็จอย่างชัดเจน
6. แผนเชิงกลยุทธ์
- กลยุทธ์ระดับองค์กร (Corporate Level Strategy) คือสิ่งที่บอกถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของกิจการ ได้แก่
- มุ่งเน้นการเติบโต (Growth Strategy) เป็นการขยายธุรกิจไปในทิศทางต่างๆ เช่น
- ลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกื้อหนุนธุรกิจเดิม โดยเป็นธุรกิจที่อยู่ต้นทางหรือ ปลายทางของธุรกิจเดิม (Forward – Backward Integration )
- ลงทุนในธุรกิจใหม่ที่แตกต่างไปจากธุรกิจเดิมโดยสิ้นเชิง (Conglomerate Diversification) เพื่อกระจายความเสี่ยงของการลงทุน
- จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ (A lliance Strategy) เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้ธุรกิจเดิมโดยไม่ต้องลงทุนเอง
- กลยุทธ์คงตัว (Stability Strategy) ไม่มีการลงทุนใดๆ ในช่วงนี้ แต่มุ่งเน้นในธุรกิจเดิมให้เข้มแข็ง
- การลดขนาดกิจการ (Retrenchment Strategy)
- ขายทิ้งกิจการบางส่วน (ที่ไม่ทำกำไร หรือขาดทุน)
- ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ (Restructure)
- มุ่งเน้นการเติบโต (Growth Strategy) เป็นการขยายธุรกิจไปในทิศทางต่างๆ เช่น
- กลยุทธ์ระดับธุรกิจ (Business Level Strategy) คือ การดึงจุดเด่นขององค์กรขึ้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์และส่งเสริมกลยุทธ์ระดับองค์กร
- เป็นผู้นำด้านต้นทุน (ที่ต่ำกว่าคู่แข่งขัน) (Cost Leadership Strategy) ทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้ในราคาถูกกว่าคู่แข่ง
- เน้นความแตกต่างของสินค้า (Differentiation Strategy) สามารถสร้าง Value A dded ใหม่ๆ ให้กับสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ของผู้บริโภค
- มุ่งเน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Focus Strategy) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ทำให้กิจการสามารถตั้งราคาสินค้าได้สูงขึ้น
- กลยุทธ์ระดับปฏิบัติการ (Functional Level Strategies) ในด้านต่างๆ ได้แก่
- การบริหารจัดการ เป็นการสร้างระบบการบริหารจัดการเพื่อให้บรรลุตามกลยุทธ์ระดับธุรกิจ
- การตลาด เป็นการกำหนดแผนงานด้านการตลาดเพื่อให้บรรลุตามกลยุทธ์ระดับธุรกิจ
- การจัดซื้อสินค้า เป็นการกำหนดแผนงานด้านการจัดซื้อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ระดับธุรกิจ
- การเงิน เป็นการกำหนดแผนงานด้านการเงินให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ระดับธุรกิจ
7. แผนการบริหารจัดการ (ก่อนและหลังการดำเนินการตามโครงการใหม่)
- รูปแบบธุรกิจ (กิจการเจ้าของคนเดียว , ห้างหุ้นส่วน , บริษัทจำกัด ฯลฯ)
- โครงสร้างองค์กร และผังบริหาร
- ทีมผู้บริหารและหลักการบริหารงาน
- รายชื่อคณะกรรมการ และกรรมการบริหาร
- ลักษณะการบริหารงาน (เช่น การรวมอำนาจ หรือกระจายอำนาจ เป็นต้น)
- กรณีการจัดตั้งกิจการใหม่ ให้แสดงความสัมพันธ์ของการบริหารงานระหว่างกิจการเดิมและ กิจการใหม่ให้ชัดเจน
- แผนด้านบุคลากร
- กำลังคนในปัจจุบัน อัตราการหมุนเวียนของพนักงาน และแผนด้านกำลังคน (การสรรหา และ จัดเตรียมบุคลากร)
- แผนพัฒนาบุคลากร
- ผู้สอบบัญชี และที่ปรึกษากฎหมาย ( ถ้ามี )
- พันธมิตรทางธุรกิจ และการให้ความช่วยเหลือ ( ถ้ามี )
- สรุปจุดเด่น ปัญหา และเป้าหมายทางการจัดการ บริหารงานโครงการ
- สรุปจุดเด่นด้านการจัดการ บริหารงานโครงการ
- สรุปปัญหาที่สำคัญด้านการจัดการ บริหารงานโครงการ
- เป้าหมายทางการจัดการที่ต้องการตามแผนกลยุทธ์
- งบประมาณที่ต้องใช้ด้านการจัดการ
8. แผนการตลาด (ก่อนและหลังการดำเนินการตามโครงการใหม่)
• ภาพรวมของตลาด
- สภาวะทั่วไปของตลาด อธิบายย้อนหลัง 3 ปี และคาดการณ์ล่วงหน้า 3 ปี (ระบุที่มาของสมมติฐาน)
- ขนาด หรือมูลค่าการซื้อขายของตลาด (ระบุที่มาของตัวเลขหรือสมมติฐาน และข้อจำกัดในการประมาณการด้วย)
- ปริมาณความต้องการของตลาด / จำนวนผู้ซื้อในตลาด
- ปริมาณการค้าเพื่อตอบสนองตลาด / จำนวนผู้ค้าในตลาด
• ผลิตภัณฑ์ที่จัดจำหน่าย
- ลักษณะและจุดเด่นผลิตภัณฑ์
- การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (ภาพที่ต้องการให้เป็นในสายตาของผู้บริโภค)
- ภาพตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ / สถานที่จัดจำหน่าย
- พื้นที่จำหน่าย และตลาดเป้าหมาย (ระบุให้ชัดเจนว่าเป็นตลาดระดับท้องถิ่น หรือตลาดระดับประเทศ)
- ยอดขาย และส่วนแบ่งตลาด
• กลุ่มลูกค้า
- ลูกค้าเป้าหมายคือใคร
- ลูกค้ารายใหญ่ของกิจการ 5 อันดับแรก แจกแจงยอดขายสำหรับลูกค้าแต่ละราย และความสัมพันธ์กับลูกค้ารายพิเศษ (ถ้ามี)
- กลุ่มลูกค้าเป้าหมายในอนาคตของโครงการคือใคร (สามารถขยายฐานลูกค้าได้หรือไม่)
• การแข่งขัน และคู่แข่ง
- สภาพการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน
- คู่แข่งหลัก / คู่แข่งรองของกิจการ
- เปรียบเทียบยอดขาย หรือส่วนแบ่งตลาดของกิจการกับคู่แข่งหลัก
- เปรียบเทียบจุดแข็ง-จุดอ่อนระหว่างผลิตภัณฑ์ของกิจการกับผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง
- ลูกค้ากลุ่มเดิมมีแนวโน้มจะเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งหรือไม่
- แนวโน้มการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่
• กลยุทธ์ทางการตลาด
- กลยุทธ์ด้านสินค้า / บริการ
- กลยุทธ์ด้านราคา
- กลยุทธ์ด้านการจัดจำหน่าย
- กลยุทธ์ด้านส่งเสริมการตลาดและการขาย
• สรุปจุดเด่น ปัญหา และเป้าหมายทางการตลาด
- สรุปจุดเด่นด้านการตลาด
- สรุปปัญหาที่สำคัญด้านการตลาด
- ยอดขาย / ส่วนแบ่งตลาด และเป้าหมายทางการตลาดอื่นๆ ที่ต้องการตามแผนกลยุทธ์
- งบประมาณที่ต้องใช้ด้านการตลาด
9. การวิเคราะห์ด้านเทคนิค หรือ กระบวนการซื้อมา-ขายไปของกิจการ (ก่อนและหลังการดำเนินการตามโครงการใหม่)
• กระบวนการจัดซื้อสินค้าของกิจการ และกระบวนการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า (แสดงในรูป Flow Chart)
• ทำเลที่ตั้ง และแผนผังสถานที่ตั้งร้านค้า และคลังสินค้า (ถ้ามี)
- แผนที่ร้านค้า / คลังสินค้า (ถ้ามี)
- แผนผังภายในร้านค้า / คลังสินค้า (ถ้ามี)
- จำนวนพื้นที่ใช้สอย
- การได้มาซึ่งพื้นที่ (ซื้อหรือเช่า ระบุรายละเอียดการชำระเงิน ในกรณีที่เป็นการเช่าให้ระบุปีที่สัญญาเช่าหมดอายุ)
• สินทรัพย์ที่ใช้ในการซื้อ-ขายสินค้า
- รายการเครื่องจักร และอุปกรณ์ที่สำคัญ (หากยังอยู่ระหว่างการชำระเงิน ให้ระบุรายละเอียด เงื่อนไขการชำระเงิน)
- อายุการใช้งาน
- การซ่อมแซม/บำรุง รักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์
• ต้นทุนสินค้าที่ขาย
- สินค้าสำคัญและซัพพลายเออร์หลักที่กิจการติดต่อด้วย
- สัดส่วนต้นทุนของกิจการ (ต้นทุนสินค้าที่ขาย และต้นทุนค่าบริหาร)
- พยากรณ์ยอดซื้อสินค้า
• การบริหารสินค้าคงคลัง และนโยบายสินค้าคงคลัง
• การควบคุมคุณภาพการจัดซื้อสินค้า
• สรุปจุดเด่น ปัญหา และเป้าหมายทางการซื้อ-ขายสินค้า
- สรุปจุดเด่นด้านการซื้อ-ขายสินค้า
- สรุปปัญหาที่สำคัญด้านการซื้อ-ขายสินค้า
- เป้าหมายทางการซื้อ-ขายสินค้าที่ต้องการตามแผนกลยุทธ์
- งบประมาณที่ต้องใช้ด้านการจัดซื้อสินค้า / คลังสินค้า
10. แผนการเงิน
• การลงทุนในกิจการ (ก่อน การดำเนินงานตามโครงการ)
รายการ
|
แหล่งที่มา
|
รวม
| |
ส่วนของเจ้าของ
|
เจ้าหนี้(กู้ยืม)
| ||
1. สินทรัพย์ถาวร | |||
1.1 ที่ดิน | |||
1.2 อาคาร | |||
1.3 เครื่องจักร/อุปกรณ์ | |||
1.4 รถยนต์ | |||
1.5 เครื่องใช้สำนักงาน | |||
1.6 อื่นๆ | |||
รวมสินทรัพย์ถาวร
| |||
2.ค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงาน | |||
รวมค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงาน
| |||
3. เงินทุนหมุนเวียน | |||
3.1 สินค้าคงเหลือเตรียมไว้ขาย | |||
3.2 สินค้าที่ขายเป็นเงินเชื่อ | |||
3.3 เงินสดสำรองไว้ใช้ในการดำเนินงาน | |||
รวมเงินทุนหมุนเวียน
| |||
รวมต้นทุนโครงการทั้งสิ้น
| |||
อัตราส่วนเจ้าของ/เงินกู้
|
รายละเอียดเงินกู้ยืม (ถ้ามี)
- ประเภทและวงเงินกู้
- วัตถุประสงค์ของเงินกู้
- อัตราดอกเบี้ย
- การชำระคืนเงินต้น
- ระยะเวลาปลอดหนี้
- หลักประกันเงินกู้
• การลงทุนในโครงการใหม่
รายการ
|
แหล่งที่มา
|
รวม
| |
ส่วนของเจ้าของ
|
เจ้าหนี้(กู้ยืม)
| ||
1. สินทรัพย์ถาวร | |||
1.1 ที่ดิน | |||
1.2 อาคาร | |||
1.3 เครื่องจักร/อุปกรณ์ | |||
1.4 รถยนต์ | |||
1.5 เครื่องใช้สำนักงาน | |||
1.6 อื่นๆ | |||
รวมสินทรัพย์ถาวร
| |||
2.ค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงาน | |||
รวมค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงาน
| |||
3. เงินทุนหมุนเวียน | |||
3.1 สินค้าคงเหลือเตรียมไว้ขาย | |||
3.2 สินค้าที่ขายเป็นเงินเชื่อ | |||
3.3 เงินสดสำรองไว้ใช้ในการดำเนินงาน | |||
รวมเงินทุนหมุนเวียน
| |||
รวมต้นทุนโครงการทั้งสิ้น
| |||
อัตราส่วนเจ้าของ/เงินกู้
|
• แหล่งเงินที่ประสงค์จะขอกู้
• รายละเอียดเงินกู้ยืม (ถ้ามี)
- ประเภทและวงเงินกู้
- วัตถุประสงค์ของเงินกู้
- อัตราดอกเบี้ย
- การชำระคืนเงินต้น
- ระยะเวลาปลอดหนี้
- หลักประกันเงินกู้
• ประมาณการทางการเงินของกิจการในอนาคต 3-5 ปี
- • สมมติฐานทางการบัญชีและการเงิน
- อัตราการเพิ่ม/ลดของยอดขาย ต้นทุนสินค้าที่ขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารใน แต่ละปี
- อัตราดอกเบี้ยจ่าย ประมาณจากอัตราดอกเบี้ยจ่ายของวงเงินกู้เดิม และวงเงินกู้ใหม่ที่คาดว่าจะกู้เพิ่ม
- สัดส่วนการขายเงินสด : ขายเงินเชื่อ
- ระยะเวลาในการให้เครดิตแก่ลูกค้า
- นโยบายการให้ส่วนลดการค้า และส่วนลดเงินสด (ถ้ามี)
- ระยะเวลาที่ได้รับเครดิตจากเจ้าหนี้การค้า
- ระยะเวลาในการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง
- วิธีการตัดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ถาวรแต่ละประเภท
- อัตราภาษีเงินได้
- • ประมาณการงบกำไรขาดทุน งบดุล และงบกระแสเงินสด โดย
- ประมาณการปีที่ 1 เป็นรายเดือน
- ประมาณการปีที่ 2 และ 3 เป็นรายไตรมาส
- ประมาณการหลังปีที่ 3 เป็นรายปี ( ถ้ามี )
• การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน
• อัตราส่วนวัดสภาพคล่อง หรือความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น ( Liquidity Ratio)
- อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน (Current Ratio)
- อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนเร็ว (Quick Ratio)
• อัตราส่วนวัดความสามารถในการทำกำไร ( Profitability Ratio )
- - อัตรากำไรขั้นต้น ( Gross Profit Margin Ratio )
- - อัตรากำไรจากการดำเนินงาน ( Operating Profit Margin Ratio )
- - กำไรสุทธิต่อยอดขาย (Net Profit Margin)
- - อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์รวม (Return on A sset – RO A)
- - อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อส่วนผู้ถือหุ้น (Return on Equity – ROE)
• อัตราส่วนวัดประสิทธิภาพการจัดการเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital Management Ratio)
- - อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์รวม (Total A ssets Turnover Ratio)
- - ระยะเวลาในการจัดเก็บหนี้ (A verage Collection Period – Day)
- - ระยะเวลาในการชำระหนี้เจ้าหนี้การค้า (A ccount Payable Turnover – Day)
- - ระยะเวลาการเก็บสินค้าคงคลัง (Inventory Turnover – Day)
• อัตราส่วนวัดความสามารถในการชำระหนี้ และความสามารถในการก่อหนี้เพิ่ม
- - อัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์รวม (Debt Ratio)
- - อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio)
- - อัตราส่วนแสดงความสามารถในการชำระดอกเบี้ยจ่าย (Interest Coverage Ratio)
• วิเคราะห์การเติบโตของกิจการและแนวโน้มการเติบโต (Trend A nalysis)
รายการวิเคราะห์ | ย้อนหลังปีที่ 2 | ย้อนหลังปีที่ 1 | ปีปัจจุบัน | คาดการณ์ปีที่ 1 | คาดการณ์ปีที่ 2 |
ยอดขาย | |||||
ต้นทุนขาย | |||||
กำไรขั้นต้น | |||||
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร | |||||
กำไรจากการดำเนินงาน | |||||
กำไรสุทธิ | |||||
สินทรัพย์รวม | |||||
หนี้สินรวม |
• วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนของการลงทุน
- • ระยะเวลาคืนทุน (Pay-back Period)
- • จุดคุ้มทุน (Brake-even Point)
- • มูลค่าปัจจุบันสุทธิของการลงทุน (Net Present Value : NPV)
- • อัตราผลตอบแทนของโครงการ (Internal Rate of Return : IRR)
• สรุปจุดเด่น ปัญหา และเป้าหมายทางการเงิน
- • สรุปจุดเด่นด้านการเงิน
- • สรุปปัญหาที่สำคัญด้านการเงิน
- • เป้าหมายทางการเงินที่ต้องการตามแผนกลยุทธ์
11. การวิเคราะห์ความเสี่ยงของโครงการ
- ปัจจัยที่จะทำให้โครงการประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จ
- ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ผลกระทบต่อโครงการ และแผนรองรับ (แนวทางการแก้ไข)
ปัญหา ผลกระทบ แนวทางแก้ไข 1. มีคู่แข่งเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น 2. ต้นทุนสินค้าสูงกว่าที่ประมาณการไว้ 3. คู่แข่งตัดราคาขาย 4. มีปัญหากับหุ้นส่วน 5. เศรษฐกิจตกต่ำทำให้ความต้องการ สินค้าลดลง 6. ฯลฯ - การประเมินสถานการณ์จำลอง (Sensitivity A nalysis)
- กรณีที่ดีกว่าปกติ (Best Case) เช่น ยอดขายเพิ่ม 10%
- กรณีปกติ (Base Case) ยอดประมาณการปัจจุบัน
- กรณีที่ต่ำกว่าปกติ (Worst Case) เช่น ยอดขายลด 10%
12. แผนการปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบการ เช่น
- การปรับปรุงระบบบัญชี / ระบบบัญชีสินค้าคงคลัง / การขนส่ง / การจัดเก็บ / ระบบการผลิต / การตลาด
- การขอรับรองระบบมาตรฐาน เช่น ISO, GMP, H A CCP และอื่นๆ ที่จำเป็น
13. ภาคผนวก
(แหล่งที่มาของข้อมูล และสำเนาเอกสารต่างๆ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องโดยผู้มีอำนาจลงนามและประทับตรา (ถ้ามี)
(แหล่งที่มาของข้อมูล และสำเนาเอกสารต่างๆ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องโดยผู้มีอำนาจลงนามและประทับตรา (ถ้ามี)